ต้นมหาพรหมราชินี ต้นมหาพรหมราชินี : ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นมหาพรหมราชินี เป็นไม้โบราณที่มีเฉพาะถิ่น คือพบที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเท่านั้น
ทั้งยังเป็นพรรณไม้หายาก เนื่องจากจำนวนต้นในถิ่นกำเนิดมีน้อยมากและมีการกระจายพันธุ์
ต่ำแต่ก็เป็นที่น่ายินดีกับไม้วงศ์กระดังงาที่หายาก เพราะขณะนี้ต้นมหาพรหมราชินีได้ออก
ดอกตูมแล้ว ในแปลงทดลองของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เป็นการออกดอกครั้งแรกหลังจากทดลองเอามาปลูกนอกพื้นที่ เป็นไม้ต้น
ขนาดเล็กสูง ๔-๖ เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕-๘ เซนติเมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาล
กิ่งอ่อนมีขนอ่อนคลุมอยู่ ใบมีรูปหอก กว้าง ๔-๙ เซนติเมตรยาว ๑๑-๑๙ เซนติเมตร เนื้อใบ
ค่อนข้างหนา ผิวใบ เรียบเป็นมันทั้ง ๒ ด้าน โคนใบและปลายใบแหลม มีเส้นใบ
แขนงใบจำนวน ๘-๑๑ คู่
ดอกมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ ๑-๓ ดอก ออกที่ใกล้ปลายยอด เป็นพรรณ
ไม้ดอก ไม้ป่า ที่มีดอกใหญ่ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับดอกของพรรณไม้อื่นๆ ในสกุล
มหาพรหมเดียวกันคือเมื่อบานเต็มที่มีดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐เซนติเมตร ก้านดอกยาว
๑.๘ - ๒.๗ เซนติเมตร
กลีบเลี้ยงมี ๓ กลีบ รูปไข่กว้าง ๒ เซนติเมตร ยาว ๑.๕ เซนติเมตร กลีบดอกมี ๖
กลีบ เรียงเป็น ๒ ชั้นๆละ ๓ กลีบ กลีบดอกชั้นนอกเป็นรูปไข่ กว้าง ๔.๑-๕.๓ เซนติเมตร โคนกลีบบาน ปลายกลีบเรียวแหลมกลีบบางสีขาวมีลายเส้นเรียงตามความยาวของใบ
กลีบดอกชั้นในกว้าง ๓.๖-๔.๑ เซนติเมตร ยาว ๓.๗-๔.๓ เซนติเมตร โคนกลีบสีเขียวอ่อน
ปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า แต่ละดอกบานอยู่ได้
๓-๕ วัน กลิ่นหอมอ่อนๆ มีฤดูดอกบานเต็มต้นในช่วงเดือนพฤษภาคม
ผล เป็นผลกลุ่มมีผลย่อย ๑๐-๑๕ ผล รูปทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง
๒.๒ - ๒.๔ เซนติเมตร ยาว ๕.๕-๘ เซนติเมตร มีขนอ่อนปกคลุมหนาแน่นมี ซึ่งจะมีผลแก่
ในช่วงเดือนตุลาคม
ต้นมหาพรหมราชินี กาพย์ยานี ๑๑ ต้นไม้แยกสาขา มหาพรหมราชินี สูงใหญ่เป็นเกียติศรี เกิดเปรมปรีดิ์สำราญใจ ใบต้นเขียวชอุ่ม พื้นดินชุ่มสัตว์อาศัย ใบแห้งหล่นล่วงไป งอกใบใหม่ขึ้นมาแทน พระองค์ท่านทรงปลูก พันธุ์ไม้ถูกคนหวงแหน อนุรักษ์ตอบแทน ในดินแดนบ้านไผ่ดำ
ประพันธ์โดย สามเณรปารมี เพียรเสมอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ |