กิจกรรม ต่อยอดเติมใบ
13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือน จริงหรือไม่ ? ต้องดู !
การสื่อสารมีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารจะมีทั้งการฟังและพูด เพื่อสร้างบทสนทนาและสามารถโต้ตอบได้อย่างเข้าใจ แต่ปัญหาของผู้เรียนส่วนใหญ่จะเจอในการสื่อสารคือฟังได้แต่ตอบไม่ได้ พูดไม่ออก เรียนไปตั้งนานแต่ไม่เห็นการพัฒนา ทำให้รู้สึกว่าเรียนไปก็เสียเวลาไปเปล่า ๆ ดังนั้นวันนี้ทาง EngBreaking.co.th จะเปิด 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือน จริงหรือไม่ ? ต้องดู


1.เปลี่ยนจากการคิดเป็นภาษาไทยเป็นคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อนพูดทุกครั้ง

ถ้าผู้เรียนคนใดอยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง เราต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อน เช่น เมื่ออยากจะพูดกับเพื่อนว่า

·         นานแล้วไม่เจอเธอเลย สบายดีไหม ?

เราจะคิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกันคือ

·         “Hi, Long time no see, How are you?”

จากนั้นลองคิดเกี่ยวกับคำตอบที่จะได้รับ ฝึกคิดตั้งแต่ประโยคสั้น ๆ ก่อน ถึงจะลองฝึกคิดประโยคยาว ตั้งแต่ง่ายจนถึงยากเพื่อท้าทายตัวเอง และเป็นการฝึกฝนที่จะช่วยได้หลายอย่าง ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณเอง เช่น การโต้ตอบเร็วขึ้นเพราะจะไม่ต้องแปลหรือคิดเป็นภาษาไทยก่อนพูดเหมือนเดิม และสามารถเดาไว้ก่อนคำถามหรือคำตอบที่คุณอาจจะเจอในแต่ละกรณี ทำให้ตอนที่เราสื่อสารกับใครเราก็มั่นใจ พูดได้เร็วเพราะสมองได้ฝึกและคุ้นเคยกับศัพท์หรือประโยคเหล่านั้นอยู่แล้ว

2.ต้องกล้าพูดภาษาอังกฤษ

ผู้เรียนบางคนชอบคิดว่าเมื่อเราเรียนแกรมมาเก่งแล้วเราถึงจะพูดก็ได้ แต่ความคิดแบบนี้ผิดมากเพราะตอนที่เราพูด ไม่จำเป็นที่ต้องพูดให้ถูกไวยากรณ์ 100% และถ้าเราไม่ฝึกพูดบ่อยและยิ่งมีความล่าช้าในการฝึกพูด ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเมื่อต้องพูด เราคิดว่าเราจะพูดได้นะเพราะเราเคยเรียนศัพท์และไวยากรณ์นั้นไปแล้ว แต่เราไม่เคยได้ฝึกพูดจริง ๆ เมื่อถึงเวลาใช้งาน พอถึงเวลากลับพูดไม่ออก ดังนั้นอย่าลังเลในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ต้องกล้าพูด กล้าท้าทายตัวเอง ถึงจะเก่งได้

3. ต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษในหลายกรณีที่แตกต่างกัน

“Use It or Lose It” เป็นสำนวนอังกฤษที่มีความหมายว่า สิ่งใดไม่ได้ใช้ กำลังก็จะสูญหาย คุณค่าก็จะลดลง เช่นเดียวกันกับการฝึกฝนเรียนภาษาอังกฤษ หากไม่มีการนำออกมาใช้พัฒนา ความสามารถที่มีก็จะหายไปในที่สุด ดังนั้นต้องหมั่นเติมความรู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะให้ไม่ถูกลดทอนไปและใช้งานไม่ได้ในที่สุด

หมั่นฝึกพูดให้หลากหลายและบ่อยขึ้น ถ้าเรียนรู้คำศัพท์มามากมาย แต่ไม่ทำไปใช้งาน การพัฒนาก็ไม่เกิดขึ้น ควรที่จะรู้จักการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่มากขึ้น รู้จักการท้าทาย อย่ากลัวกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ก้าวหน้า ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกลัวที่จะก้าวข้ามมานั่นเอง

4.เรียนพูดภาษาอังกฤษอย่างสร้างสรรค์

ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตามถ้าเรามีความสร้างสรรค์ในการเรียน รู้จักประยุกต์การเรียน ถึงแม้จะเรียนคนเดียวแต่รู้จักออกแบบการเรียนให้ดูสนุกก็ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ เช่น ฝึกฝนกับกระจก หรือร้องเพลงตามศิลปินที่ชอบ

และในปัจจุบัน ก็มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยในการเรียนรู้ควบคู่ไปการสร้างความบันเทิง เช่น Tiktok ที่มักจะมีชาเลนจ์ คอนเทนต์ที่น่าสนใจที่อัปเดตอยู่เสมอ ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษดูไม่ยากและน่าเรียนมากขึ้น การเรียนรู้ไปกับเพื่อน ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความสนุกได้มากขึ้น กับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น บอร์ดเกม ที่เป็นที่นิยม หรือแอปพลิเคชั่นที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็นำมาเล่นสนุกด้วยกันเป็นทีมได้เช่นกัน

5.มีแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษที่ดี น่าเชื่อถือใช้ตลอดการเรียน

ตอนนี้เราสามารถหาได้ทุกอย่างได้ในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น Blog, Vlog, Youtube เว็บไซต์ต่าง ๆ แต่ก็ใช่ว่าแต่ละแหล่งจะเชื่อถือได้และได้ผล ดังนั้นก็ควรศึกษาแหล่งข้อมูลเหล่านั้นให้ดี ๆ ว่ามีประโยชน์จริง ๆ อย่างเว็บ EngBreaking.co.th ที่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในแบบฉบับสมบูรณ์ รองรับผู้เรียนทุกระดับตั้งแต่ง่ายไปจนถึงยาก มีการจัดสรรเนื้อหาในบทเรียนให้เหมาะสมแก่ผู้เรียนแต่ละคน

6.เลียนแบบตามคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม

ถ้าคุณชอบน้ำเสียงของใคร คุณสามารถเรียนตามเขาได้หรือเรียกได้ว่าวิธีการเลียนแบบตามคนอื่นที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนที่เคยใช้และประสบความสำเร็จได้ การเรียนแบบนี้ง่ายมาก ๆ กับสามขั้นตอนคือ

·         ขั้นตอนที่หนึ่ง คุณต้องเลือกคนที่คุณชอบ มีน้ำเสียงดี ออกเสียงภาษาอังกฤษแบบชัดเจน

·         ขั้นตอนที่สอง พูดตามคำพูดของเขาแบบที่ละประโยคสั้นๆ 

·         ขั้นตอนที่สาม ปรับความเร็ว การขึ้นลงของเสียงตามคนพูดในวิดีโอ แล้วฝึกพูดตามประโยคยาวๆ ถ้าตอนแรกเราฟังก่อนแล้วพูดตาม แต่ถึงขึ้นตอนที่สามนี้เราลองพูดตามไปเลยเหมาะกับจังหวะ ถ้าขยันใช้วิธีแบบนี้เราจะสามารถเลียนสำเนียงต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว

7.ลองฝึกใช้วิธี Tongue Twisters แบบสนุกๆ เพื่อฝึกพูดไว

ในภาษาอังกฤษมักจะมีศัพท์ที่อ่านออกเสียงยาก แต่ผู้เรียนจะไม่ต้องกังวลอีกแล้วเพราะเรามีเทคนิคเพื่อช่วยให้คุณปรับการออกเสียงให้ดียิ่งขึ้นที่ได้เรียกว่า “Tongue Twisters” ที่หมายถึงสิ่งที่ทำให้ลิ้นบิดเบี้ยว หรือจริงๆ ก็คือเจ้าสิ่งนี้มันทำให้ลิ้นของเราอ่อน พูดได้เพราะมากขึ้นนั้นเอง
คุณสามารถฝึกออกเสียงตามวิธี “Tongue Twisters” โดยการอ่านประโยคละสามถึงห้ารอบหรือจนถึงเมื่อไหร่รู้สึกว่าโอเคแล้วเพื่อฝึกทักษะการพูดของตัวเองให้ดีขึ้นดังนี้

·   How can a clam cram in a clean cream can? ที่หมายถึง หอยตลับเข้าไปแออัดยัดกันอยู่ในกระป๋องครีมสะอาด ๆ ได้ยังไงกันช่วยคุณแยกระหว่างการออกเสียง /kl/ กับ /kr/ 

·  Send toast to ten tense stout saints’ ten tall tents. ที่หมายถึง เอาขนมปังอบไปส่งที่เต็นท์สูงสิบหลังของพวกนักบุญอวบอ้วนที่ดูเคร่งเครียดสิบคนช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง /s/ กับเสียง /t/ ซึ่งเป็นพยัญชนะฐานฟันทั้งคู่

·  If Stu chews shoes, should Stu choose the shoes he chews? ที่หมายถึง ถ้าสตูเคี้ยวรองเท้า มันก็ควรจะเลือกรองเท้าที่มันเคี้ยวหรือเปล่าช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง sh กับ ch ให้ชัดเจน กับหลายประโยคที่ผู้เรียนสามารถเก็บเอาไว้ฝึกพูดภาษาอังกฤษที่บ้านได้เช่น

·  Can you can a can as a canner can can a can? ฝึกออกเสียง เสียง /k/

·  I wish to wish the wish you wish to wish, but if you wish the wish the witch wishes, I won’t wish the wish you wish to wish. ฝึกออกเสียง sh กับ ch 

·  Santa’s short suit shrunk. ฝึกเสียง s กับ sh ซึ่งเป็นเสียงประเภท sibilant ทั้งคู่

·  Big purple bags were bought by the big picky people from Bilbao. ฝึกออกเสียง /b/ กับ /p/

8. เรียนรู้วลีแทนการเรียนรู้แต่ละคำ

การที่เราเรียนรู้เพิ่มวลีจะช่วยคุณในการพูดภาษาอังกฤษอย่างกล้วยๆ คำพูดจะออกมาแบบธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นเราควรทราบวลีที่ต่างชาติมักจะใช้กันบ่อยดังนี้

come up /kʌm/ with something แปลว่า ก่อให้เกิด, ปรากฏ
clean up /kli
ːn/ แปลว่า ทำความสะอาด
come about  แปลว่า 
สิ่งที่เกิดขึ้น
bring in something /br
ɪŋ/ แปลว่า นำบางสิ่งบางอย่าง, เอามาให้
turn off /t
ɜːn/  แปลว่า ปิด
turn on something แปลว่า 
เปิดบางสิ่งบางอย่าง
grow up /
ɡrəʊแปลว่า โตขึ้น
keep up /ki
ːp/  แปลว่า ทำต่อไป
look after /l
ʊk/ sb/sth แปลว่า ดูแล
show up /
ʃəʊ/ แปลว่า แสดงขึ้นมา
stay behind /ste
ɪแปลว่า อยู่ข้างหลัง
look up to sb แปลว่า 
เคารพ
find out (something) /f
ɑɪnd/ แปลว่า หา (บางสิ่งบางอย่าง)
wake up /we
ɪk/ แปลว่า  ตื่นนอน

ยกตัวอย่างเช่น:

What do you want to be when you grow up? แปลว่า คุณอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น?
How did you find out about the party? แปลว่า คุณทราบเกี่ยวกับปาร์ตี้ได้อย่างไร?
How many people showed up to the meeting? แปลว่า มีคนเข้าร่วมประชุมกี่คน

จากตัวอย่างดังนี้เราจะเห็นเลยว่าในภาษาอังกฤษเราก็มีหลากหลายวิธีเพื่อจะตั้งคำถามหรือตอบโดยการใช้ศัพท์หรือวลีที่เข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคำที่ต่างชาตินิยมกันใช้ เราควรทราบเพื่อเลียนแบบตามได้ถูก มีความก้าวหน้าสำหรับทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง

9. ไม่หยุดการเก็บคำศัพท์ใหม่

สำหรับการพูดภาษาอังกฤษถ้าเราไม่ขยันเสริมสร้างคลังคำศัพท์ของตัวเราเอง เราก็จะพูดไม่ได้แน่นอน เพราะตอนที่ขาดศัพท์จะฟังไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดว่าหมายความว่าอะไร จากการฟังไม่ออกก็ทำให้จะตอบไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากพูดเก่งนอกจากต้องฝึกฟังและหัดสำเนียงตามให้เก่ง นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นเก็บตกศัพท์ใหม่ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมีคลังศัพท์เยอะยิ่งใช้คำพูดได้ธรรมชาติและพูดได้คล่อง ได้ไวเหมือเจ้าของภาษา

10. ต้องพัฒนาทักษะการพูดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

อย่าพึ่งหยุดการพัฒนาในทักษะการพูดของตัวเองโดยคิดว่าเราสื่อสารได้แล้ว หรือแค่นั้นแค่นี้คือพอแล้ว เพราะสำหรับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ เราต้องขยันอัปเดตศัพท์ใหม่ถ้าจากพื้นฐานเราพูดได้แล้วแต่เรื่องแกรมมายังไม่ค่อยมั่นใจ ถึงจุดใดจุดหนึ่งถ้าคุณอยากเป็นช่างพูด พูดเก่งคุณควรใช้เวลาเพิ่มสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับ part of speechหรือเข้าใจกันง่ายๆ คือชนิดของศัพท์เพื่อได้รู้ว่าคำไหนเป็น คำนาม คำกริยา หรือ คำคุณศัพท์ เพื่อใช้ในการพูดหรือเขียนให้ถูก เพราะตอนสื่อสารทั่วไปคุณไม่ต้องใส่ใจแกรมมามาก แต่เมื่อคุณอยากสอบพูดแน่นอนว่าคุณต้องการทราบไวยากรณ์และเรียงศัพท์ให้ถูกถึงจะได้คะแนนสูงสุด คุณสามารถเข้า google translater หรือ youTube เพื่อดูวิธีการออกเสียงของศัพท์แต่ละคำที่คุณต้องการ ฝึกออกเสียงตามและตั้งประโยคกับศัพท์นั้นด้วยเพื่อจดจำได้ยาวนานขึ้น

11. เรียนจากทุกคน และหาเพื่อนใหม่เพื่อช่วยกันฝึกพูด

“Make a new friend” หรือเข้าใจได้ว่าการหาเพื่อนใหม่ผู้ที่ก็ชอบการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกับคุณ จะเป็นคนต่างชาติหรือเป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษก็ได้ คุณสามารถเรียนรู้ตามวิธีการออกเสียงหรือวิธีการตั้งประโยคของเพื่อนคนเก่ง เป็นวิธีการฝึกทักษะการพูดได้เร็วอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล

มีหลากหลายหัวข้อให้คุณกับเพื่อนสามารถหยิบมาใช้ สร้างเป็นบทสนทนากันเพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น

หัวข้อเกี่ยวกับ Hobbies ที่เสามารถถามตอบเกี่ยวกับเรื่องงานอดิเรกของเพื่อนหรือพูดเกี่ยวกับงานอดิเรกของเราเช่น

·  What are your hobbies?

·  Why do you like your hobbies so much?

·   How often do you do these hobbies?

·    How long have you been doing these hobbies, and how did you get started?

หัวข้อเกี่ยวกับ Work การทำงาน หรือที่ทำงานที่คุณสามารถเลือกถามตอบเกี่ยวกับ

·   What work do/did you do?

·    How do/did you like the work?

·    What is your dream job?

·    What is your general view about work? Why?

หัวข้อเกี่ยวกับ Shopping ใช้ในการเดินเล่นที่ตลาด หรืออยากค้นหา ซื้ออะไรบางอย่างคุณสามรถฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยคคำถามเหล่านี้

·         Do you enjoy shopping? Why/why not?

·         What is your favorite shop? Why?

·         In your city, where is a good place to go shopping?

ถ้าไม่มีสภาพแวดล้อมสำหรับการสื่อสารเลยส่งผสมให้พูดไม่เก่ง คุณลองหาหรือสร้างสภาพแวดล้อมเองโดยวิธีการลองหาเพื่อนสักคนที่เก่งภาษาอังกฤษเพื่อให้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ยังมีหลากหลายหัวข้อที่เราสามารถเอามาใช้กันได้ไม่ยากเมื่อคุณมีการเตรียมพร้อมในหลากหลายหัวข้อทั้งศัพท์และวิธีการตั้งคำถามและตอบรับรองว่าเมื่อคุณพูดคุณจะพูดได้ไว เพราะได้ผ่านการฝึกใช้มาก่อน และฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว

12. อยากพูดดีต้องฟังให้ดีก่อน (จริงไหม?)

คุณเชื่อไหมว่าถ้าเราฟังไม่ดีเราก็จะพูดไม่ดีเหมือนกัน ? เพราะตอนที่เราฟังไม่ออกเราก็จะโต้ตอบแบบมั่นใจไม่ได้ แถมฟังไม่ออกจะไม่รู้วิธีการออกเสียงของศัพท์ให้ถูกต้องโดยซ้ำ ดังนั้นทักษะการพูดกับฟังต้องการฝึกใช้กันบ่อยๆ ฝึกไปพร้อมกันถึงจะเก่งได้
วิธีการฝึกฟังดีๆ ที่ทำที่ไหนก็ได้คือ

·  ใช้เวลายังให้เพียงพอสำหรับการฝึกฟัง

·   ฟังและจดไว้ถึงสิ่งที่ฟังได้ 

·   ฟังและออกเสียงตาม

·    เลือกเนื้อหาฟังที่เหมาะสม

·    เลือกแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : 5-Minute English, ESL Fast,  ESL-Lab,…

13. จดจำเทคนิคการตอบคำถาม / คำตอบจะฝังอยู่ในคำถามเสมอ

คุณรู้ไหมว่าทักษะการตอบที่ดีคือจับ Keyword และคำตอบจะมีอยู่ในคำถามตลอด ดังนั้นตอนที่เราสื่อสารเราควรตั้งใจฟังคำถามที่คนอื่นเขาถามเราว่าเป็นประเภทคำถามแบบไหน ถึงจะหาคำตอบที่ตรงกันอย่างเช่น

ถ้าเขาถามคำถามโดยคำแรกเป็น “Does he…” เราจะตอบเป็นแบบ Yes, He does.

หรือถามแบบ Can she…?  เราจะตอบเป็นแบบ  Yes, she can.

หรือถามแบบ  It is…? เราจะตอบเป็นแบบ   Yes, it is. ง่ายๆ ที่แค่เราตั้งใจและจับใจความหมายของคำถาม หรือประเภคของคำถามเราจะตอบได้ถูกต้องเสมอเป็นอย่างไรกันบ้างกับ 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือนจาก Eng Breaking อย่าลืมกดติดตามเว็บไซต์ของเราเพื่อได้รับโปรโมชั่นคอรสเรียนดี ๆ แถมเคล็ดลับเด็ดต่าง ๆ เพื่อช่วยคุณพัฒนาทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีที่สุด Eng Breaking เชื่อว่าคุณทำได้แน่นอน ยินดีที่จะตอบทุกข้อสงสัยในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับผู้เรียนทั่วประเทศ

 


โพสเมื่อ : 06 ต.ค. 65