อนุสาวรีย์สร้างขึ้นเมื่อ
ปี 2519 เพื่อน้อมรำลึกถึง เมื่อเดือน 3 ปีระกา พุทธศักราช 2308 มีผู้กล้า
คือนายอิน นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายแท่น
นายเมือง พันเรือง ขุนสรรค์ ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้านตั้งต่อสู้กับทัพพม่าที่บ้านบางระจัน
มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคม บำรุงขวัญ
เพื่อประกาศเกียรติคุณของวีรชนค่ายบางระจันให้ยิ่งขึ้น ชั่วกาลนาน
บนอนุสาวรีย์จะมีรูปปั้นของวีระชนผู้กล้าทั้งหมด ศิลปะการปั้นงดงามยิ่งนัก
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์
กองทัพพม่าได้ออกราดตระเวนปล้นสะดมข่มเหงชาวไทยฉุดคร่าอนาจาร เผาบ้านเรือน
ทำให้ชาวสิงห์บุรีโกรธแค้นยิ่งนัก
ได้รวบรวมสมัครพักพวกต่อสู้กับทหารพม่าจนเกินเป็นค่ายบางระจันขึ้นโดย นายอิน
นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายแท่น นายเมือง
พันเรือง ขุนสรรค์ เป็นผู้นำในการรบ
พวกชาวบ้านบางระจันได้สู้รบกับทหารพม่าถึงแปดครั้ง
จนครั้งสุดท้ายทหารพม่าต้องใช้ปืนใหญ่ยิงถล่ม
ชาวบ้านบางระจันได้ขอปืนใหญ่ไปทางกรุงศรีอยุธยาไม่เป็นผล ชาวบ้านจึงรวมใจกันหล่อปืนใหญ่ใช้เอง
แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญการทำ ปืนใหญ่จึงร้าวและแตก ไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป
จึงเป็นที่มาของนักรบปืนแตกแห่งแผ่นดินศรีอยุธยา
แต่กระนั้นชาวบ้านบางระจันก็ต่อสู้กับทหารพม่าอย่างไม่คิดชีวิต
จนในที่สุด น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟที่กำลังแรงกล้า ค่ายบางระจันก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือทหารพม่า
ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน
8 ปีจอ พ.ศ.2309 รวมเวลาที่ชาวบ้านบางระจันรบกับพม่าทั้งสิ้น
5 เดือนเศษ
นี่แหละคือตำนานและประวัติศาสตร์ที่ยากจะลืมเลือนของพวกเราชาวไทย
และจะยังคงอยู่อย่างนี้ตลอดไปตราบนานเท่านาน
ข้อมูลจาก http://www.singburi.go.th |