ต้นพรหมราชินี ชื่อสามัญ ต้นพรหมราชินี
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Mitrephora
sirikitiae Weerasooriya, Chalermglin & M.K.R.
Sannders
ชื่อวงศ์ ANNONACEAE
ลักษณะทั่วไป
มหาพรหมราชินี เป็นไม้วงศ์กระดังงา ชนิดใหม่ของโลก
พบในประเทศไทยที่เขต
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
สภาพนิเวศวิทยา พบในเขตป่าดิบเขา
ที่สูงชัน ในระดับความสูงมากว่า ๑,๑๐๐ เมตร ที่มีสภาพลมแรง และอากาศหนาวเย็นจัดใน
ฤดูหนาว ที่ความชื้นสัมพัทธ์ค่อนข้างสูง
ลักษณะของต้นมหาพรหมราชินีเป็นต้นไม้ขนาด
เล็กสูงประมาณ ๔-๖ เมตร
ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕-๘ เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาล กิ่งอ่อนจะ
มีขนอ่อนปกคลุมอยู่
ใบเป็นรูปหอก กว้าง ๔-๙ เซนติเมตร ยาว ๑๑-๑๙ เซนติเมตร เนื้อใบ
หนาผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน โค่นใบและปลายใบแหลม มีแขนงใบ ๘-๑๑ คู่
ดอก มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ
๑-๓ ดอก ออกที่ใกล้ปลายยอด เป็นพรรณ
ไม้ดอกไม้ป่าที่มีดอกใหญ่ที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบกับดอกของพรรณไม้อื่นๆ ในสกุล
มหาพรหมเดียวกัน คือ
เมื่อบานเต็มที่มีดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ เซนติเมตร ก้านดอกยาว
๑.๘-๒.๗ เซนติเมตร
กลีบเลี้ยงมี ๓ กลีบ รูปไข่กว้าง ๒ เซนติเมตร ยาว ๑.๕ เซนติเมตร
กลีบดอก มี ๖ กลีบ
เรียงเป็น ๒ ชั้น ๆละ ๓ กลีบ กลีบดอกชั้นนอกเป็นรูปไข่ กว้าง
๔.๑-๕.๓ เซนติเมตร
โคนกลีบบาน ปลายกลีบเรียวแหลมกลีบบางสีขาวมีลายเส้นเรียงตาม
ความยาวของใบ
กลีบดอกชั้นในกว้าง ๓.๖-๔.๑ เซนติเมตร ยาว ๓.๗-๔.๓ เซนติเมตร โคน
กลีบสีเขียวอ่อน
ปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า แต่ละ
ดอกบานอยู่ได้
๓-๕ วัน กลิ่นหอมอ่อนๆ มีฤดูดอกบานเต็มต้นในช่วงเดือนพฤษภาคม
ผล เป็นผลกลุ่มมีผลย่อย ๑๐-๑๕ ผล
รูปทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒.๒-๒.๔
เซนติเมตร ยาว ๕.๕-๘ เซนติเมตร
มีขนอ่อนปกคลุมหนาแน่นมี ซึ่งจะมีผลแก่ในช่วงเดือน
ตุลาคม |