ขี้เหล็ก
ขี้เหล็ก :
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ขี้เหล็กจัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae
นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตก
ต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น
(ราชบุรี) ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง) ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็ก
ใหญ่ (ภาคกลางบางที่) ผักจี้ลี้ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ยะหา (มลายู-ปัตตานี)
และขี้เหล็กจิหรี่
(ภาคใต้) เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง
ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
ยอดอ่อนสีแดงเรื่อๆ ใบประกอบเป็นแบบ
ขนนก เรียงสลับกัน มีใบย่อย๕-๑๒ คู่
ปลายสุดมีใบเดียว ใบย่อยรูปขอบขนานด้านบน
เกลี้ยง ดอกช่อสีเหลืองอยู่ตามปลายกิ่ง
ดอกจะบานจากโคนช่อไปยังปลายช่อ กลีบเลี้ยงมี
๓-๔ กลีบ กลีบดอกมี ๕ กลีบ
เกสรตัวผู้ ๕ อัน
ผลเป็นฝักแบนยาวมีสีคล้ำ
เมล็ดรูปไข่ยาวแบนสีน้ำตาลอ่อนเรียงตามขวางมี ๒๐ -
๓๐ เมล็ด
เนื้อไม้มีสีน้ำตาลแก่เกือบดำ ส่วนของดอกและใบขี้เหล็กใช้เป็นอาหารในหลาย
ประเทศ
เช่น ไทย พม่า อินเดีย และมาเลเซีย เป็นต้น ในตำราการแพทย์แผนไทยได้มีการบันทึกประโยชน์ของขี้เหล็กในหลายด้าน
ประโยชน์และสรรพคุณ
ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกตูม
นิยมนำมาทำเป็นอาหาร โดยเฉพาะแกงขี้เหล็กที่
นิยมรับประทานกันมากในทุกภาค ใช้ใบแก่นำมาต้มน้ำสำหรับย้อมสีผ้า
ช่วยในการติดสี
เขียวขี้ม้าสารคาราบอลที่สกัดได้จากใบ และดอก
ใช้เป็นส่วนผสมของยาสลบ ยาลด
ความเครียด และยานอนหลับ
น้ำต้มจากใบ
และยอดอ่อนขี้เหล็กใช้ฉีดพ่นไล่แมลงปีกแข็ง รวมถึงแมลงศัตรูพืช
ต่างๆ
ดอกขี้เหล็กออกเป็นช่อมีสีเหลืองสวยงามจึงนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับร่วมกับ
ประโยชน์อื่นๆ
ต้นขี้เหล็กมีลำต้นสูงปานกลาง
ลำต้นแตกเป็นทรงพุ่ม ทำให้นิยมปลูกเพื่อ
ทำเป็นร่มเงาร่วมกับประโยชน์ในด้านอื่น
ต้นขี้เหล็กที่มีอายุหลายปีจะมีแก่นด้านในเป็นลาย
สำน้ำตาลอมดำ
ขอบด้านนอกของแก่นมีสีเหลือง และเนื้อไม้มีความแข็งแรง
นิยมนำมา
แปรรูปเป็นแผ่นไม้ปูพื้น ไม้ชายคา วงกบ รวมถึงแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์
และเครื่องเรือน
ต่างๆ
ลำต้น และกิ่งนำมาเป็นไม้ใช้สอย อาทิ ทำเป็นเสารั้ว
ใช้ค้ำยันต้นผัก ใช้ทำฝืนหุงหา
อาหาร ใช้เผาถ่าน เป็นต้น |